
เวลาที่ผ่านไปในแต่ละสัปดาห์นั้นมีมากถึง 168 ชั่วโมง แต่ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเวลามักไม่พอสำหรับสิ่งที่สำคัญจริงๆ? ในบทความนี้เราจะพาทุกคนมาค้นหาคำตอบผ่านแนวคิดและประสบการณ์ของลอร่า แวนเดอร์แคม ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารเวลา ที่ได้ศึกษาเรื่องราวของผู้หญิงที่มีภาระหนักและครอบครัว รวมถึงวิธีจัดสรรเวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเทคนิคที่จะช่วยให้เราได้สร้างชีวิตที่ต้องการในเวลาที่มีอยู่
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการจัดการเวลา
เมื่อลอร่าบอกคนอื่นว่าตนเองเขียนเรื่องการจัดการเวลา หลายคนมักคิดว่าเธอเป็นคนที่ตรงต่อเวลาเสมอ แต่จริงๆ แล้วเธอก็มีความล่าช้าเหมือนคนทั่วไป เพราะมีลูกสี่คนและเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีความเข้าใจผิดอีกอย่างหนึ่งที่พบได้บ่อย คือการคิดว่าเราสามารถประหยัดเวลาจากกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน แล้วรวมเวลานั้นมาเป็นชั่วโมงสำหรับทำสิ่งที่สำคัญได้
ตัวอย่างเช่น บางบทความแนะนำให้เราทำงานบ้านโดยใช้มือข้างเดียวเพื่อประหยัดเวลา หรือใช้ไมโครเวฟอย่างมีเหตุผล เช่น การวางอาหารในตำแหน่งที่ทำให้สุกเร็วขึ้น หรือแม้แต่การบันทึกโปรแกรมโทรทัศน์เพื่อข้ามโฆษณา ซึ่งช่วยประหยัดเวลาถึง 8 นาทีในทุกๆ ครึ่งชั่วโมงของการดูทีวี แต่จริงๆ แล้วถ้าเราไม่ดูทีวี 2 ชั่วโมงต่อวัน ก็จะมีเวลามากถึง 32 นาทีสำหรับออกกำลังกายได้เลย

แต่สิ่งที่ลอร่าพบจากการศึกษาคือ แนวคิดนี้อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เพราะการสร้างชีวิตที่เราต้องการไม่ได้เกิดจากการประหยัดเวลาทีละนิดๆ แต่เกิดจากการเลือกใช้เวลาตามสิ่งที่เราให้ความสำคัญจริงๆ เวลาจะถูกจัดสรรมาเองตามสิ่งที่เราตัดสินใจทำ
เวลานั้นยืดหยุ่นกว่าที่คิด
ลอร่าทำโปรเจกต์บันทึกเวลาชีวิตของผู้หญิงที่มีภาระหนักทั้งงานและครอบครัว โดยติดตามเวลาของพวกเธอเป็นเวลา 1,001 วัน พบว่าชีวิตของพวกเธอเต็มไปด้วยความเร่งรีบและเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น หนึ่งในผู้หญิงที่เธอศึกษาประสบปัญหาน้ำรั่วในบ้านจนต้องใช้เวลาแก้ไขถึง 7 ชั่วโมงในสัปดาห์นั้น ซึ่งเป็นเวลาที่ถ้าให้ถามเธอก่อนหน้านั้นว่า “จะหาเวลา 7 ชั่วโมงสำหรับการฝึกซ้อมแข่งไตรกีฬาได้ไหม?” คำตอบคงเป็น “ไม่มีทาง”

นี่แสดงให้เห็นว่าเวลาไม่ได้ถูกจำกัดอย่างตายตัว แต่สามารถยืดหยุ่นและจัดสรรได้ตามความสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ถึงแม้จะไม่สามารถสร้างเวลาเพิ่มขึ้นได้ แต่เราสามารถเลือกสิ่งที่เราควรให้เวลากับมันได้อย่างชัดเจนเหมือนกับการจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างน้ำรั่วในบ้าน
การเลือกใช้เวลาคือการเลือกชีวิตที่เราอยากมี
หนึ่งในผู้หญิงที่ลอร่าพบเจอและน่าประทับใจมากคือเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่มีพนักงานถึง 12 คนและแม่ของลูกหกคน เธอได้บอกกับลอร่าว่า “ทุกนาทีที่ฉันใช้ไป มันเป็นการเลือกของฉันเอง” ซึ่งเป็นมุมมองที่ลึกซึ้งมาก เพราะแทนที่จะพูดว่า “ไม่มีเวลา” เธอกลับพูดว่า “ฉันไม่ได้ทำสิ่งนั้นเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่สำคัญสำหรับฉัน”
นี่ทำให้เราเห็นว่า “ไม่มีเวลา” อาจเป็นเพียงแค่คำพูดที่ไม่ถูกต้องเสมอไป แต่จริงๆ แล้วคือการตัดสินใจเลือกที่จะไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งต่างหาก ซึ่งถ้าเรายอมรับแนวคิดนี้ เราจะเริ่มเห็นภาพว่าการบริหารเวลาคือการบริหารสิ่งที่เราให้ความสำคัญ และพร้อมรับผลลัพธ์ที่ตามมา
การตั้งเป้าหมายและทบทวนตัวเองล่วงหน้า
หนึ่งในวิธีที่ลอร่าชวนให้ลองทำคือการคิดย้อนกลับจากอนาคต โดยสมมติว่าวันนี้คือปลายปีหน้า และเรากำลังเขียนรีวิวสรุปผลงานของตัวเองในปีที่ผ่านมา ว่าเราได้ทำอะไรบ้างที่ทำให้ปีนั้นเป็นปีที่ดีมาก ทั้งในเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว
การตั้งเป้าหมายแบบนี้ช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ และสามารถนำไปสู่การวางแผนที่เป็นรูปธรรม เช่น ถ้าเราอยากเขียนประวัติครอบครัว อาจเริ่มจากอ่านตัวอย่างจากครอบครัวอื่น แล้วตั้งคำถามเพื่อสัมภาษณ์ญาติ หรือถ้าอยากวิ่งมาราธอน 5 กิโลเมตร ก็ต้องหางานวิ่งและแผนฝึกซ้อม พร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

สิ่งสำคัญคือการวางแผนจัดสรรเวลาให้เป้าหมายเหล่านี้อยู่ในตารางกิจกรรมก่อนเวลาจริง เพื่อไม่ให้พลาดหรือถูกทับซ้อนกับภารกิจอื่นๆ โดยลอร่าสังเกตว่าช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการทบทวนและวางแผนคือบ่ายวันศุกร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนอาจไม่ค่อยมีแรงจูงใจแต่เหมาะกับการคิดทบทวนอย่างมีสมาธิ
การแบ่งเวลาใน 168 ชั่วโมงของสัปดาห์
เวลาทั้งหมดในหนึ่งสัปดาห์มี 168 ชั่วโมง การทำงานเต็มเวลาใช้เวลาประมาณ 40 ชั่วโมง และการนอนพักผ่อน 8 ชั่วโมงต่อคืน จะเหลือเวลาว่างประมาณ 72 ชั่วโมงให้ทำกิจกรรมอื่นๆ หากเราทำงานมากขึ้น เช่น 50 หรือ 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เวลาก็จะลดลงตามลำดับ แต่ก็ยังเหลือเวลาสำหรับสิ่งที่สำคัญหากจัดการดีๆ

แม้บางคนอาจรู้สึกว่าทำงานมากกว่า 60 ชั่วโมง แต่การศึกษาพบว่าผู้คนมักประเมินเวลาทำงานเกินจริงกว่าความเป็นจริงถึง 25 ชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรามีเวลามากกว่าที่คิด เพียงแต่ต้องรู้จักจัดสรรและเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม
ใช้เวลาว่างให้เกิดคุณค่า แม้เพียงเล็กน้อย
เมื่อเรารู้ว่าเวลามีอยู่จริงและยืดหยุ่นได้ สิ่งที่สำคัญคือการใช้เวลาว่างให้คุ้มค่า แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เช่น การอ่านหนังสือดีๆ ขณะเดินทางด้วยรถประจำทาง หรือใช้เวลาพักงานเพื่อทำสมาธิหรือสวดมนต์ นอกจากนี้ หากตารางงานทำให้ไม่สามารถทานอาหารเย็นพร้อมครอบครัวได้ การเปลี่ยนเป็นทานอาหารเช้าร่วมกันก็เป็นทางเลือกที่ดี

การมองหาช่วงเวลาที่ทุกคนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ แม้จะไม่ใช่เวลายาวนาน ก็สามารถสร้างความสุขและความสัมพันธ์ที่ดีได้ ลอร่ามั่นใจว่าถ้าเรารู้จักให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ เราจะพบเวลาสำหรับสิ่งเหล่านั้นได้เสมอ
Quote คำพูดกระแทกใจ
"Every minute you spend is your choice." (ทุกนาทีที่เราใช้ไป เป็นการเลือกของเราเอง)
"I don't have time" often means "It's not a priority." (“ไม่มีเวลา” มักหมายถึง “มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ”)
การนำไปใช้ในชีวิต
- เริ่มจากการทบทวนเป้าหมายทั้งในด้านงานและชีวิตส่วนตัว โดยลองเขียนรีวิวตัวเองในอนาคตเพื่อกำหนดทิศทางก่อนล่วงหน้า
- วางแผนและจัดสรรเวลาสำหรับสิ่งที่สำคัญก่อนเวลาเกิดเหตุการณ์จริง เพื่อไม่ให้ถูกบังหรือเลื่อนออกไป
- ยอมรับว่าเวลาเป็นสิ่งที่ยืดหยุ่นและขึ้นอยู่กับการเลือกของเรา ไม่ใช่ปัญหาที่ไม่มีทางแก้ไข
- ใช้เวลาว่างเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นประโยชน์ เช่น อ่านหนังสือ ทำสมาธิ หรือสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
- เปลี่ยนมุมมองจาก “ไม่มีเวลา” เป็น “นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญสำหรับฉัน” เพื่อเพิ่มความชัดเจนในการตัดสินใจ
บทสรุปส่งท้าย - สิ่งที่ได้เรียนรู้
- เวลา 168 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นทรัพยากรที่มีค่าสำหรับทุกคน แค่ต้องรู้จักจัดสรรให้เหมาะสมกับความสำคัญ
- การประหยัดเวลาจากกิจกรรมเล็กๆ ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างชีวิตที่ต้องการ
- เวลาเป็นสิ่งที่ยืดหยุ่น ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเลือกให้ความสำคัญ
- การเลือกใช้เวลาอย่างมีสติ คือการเลือกชีวิตที่เราต้องการ
- ตั้งเป้าหมายและทบทวนตัวเองล่วงหน้าช่วยให้เราวางแผนและใช้เวลาตามสิ่งที่สำคัญจริงๆ
- แม้เวลาว่างน้อย เราก็สามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์และความสุขได้
การควบคุมเวลาว่างไม่ใช่เรื่องของการเร่งรีบ หรือพยายามหาชั่วโมงเพิ่มเติมจากกิจกรรมเล็กๆ แต่เป็นเรื่องของการเลือกสิ่งที่สำคัญและจัดสรรเวลาให้เหมาะสม เพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตตามที่ฝันไว้ในเวลาที่เรามีอยู่จริงๆ