
ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและสถานการณ์กดดัน เรามักพบว่าตัวเองไม่สามารถคิดได้ชัดเจนเมื่ออยู่ภายใต้ความเครียดสูง วิดีโอนี้นำเสนอเรื่องราวและแนวคิดที่น่าสนใจโดยนักประสาทวิทยา ดาเนียล เลวิทิน ที่แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวและความรู้ทางสมองเกี่ยวกับการรับมือกับความเครียดอย่างมีสติ รวมถึงวิธีเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นเมื่อความเครียดเข้าครอบงำhttps://www.youtube.com/embed/8jPQjjsBbIc

เรื่องเล่าจากประสบการณ์จริง: เมื่อความเครียดทำให้เราพลาดอย่างไม่คาดคิด
ดาเนียลเริ่มต้นเล่าถึงเหตุการณ์ในคืนฤดูหนาวที่หนาวจัดในเมืองมอนทรีออล เขากลับมาถึงบ้านตอนเที่ยงคืนโดยอุณหภูมิข้างนอกติดลบ 40 องศาเซลเซียส ขณะยืนอยู่บนเฉลียงหน้าบ้าน เขาค้นหากุญแจในกระเป๋าแต่กลับพบว่าไม่ได้พกกุญแจติดตัวมา ทั้งที่เห็นกุญแจวางอยู่บนโต๊ะในบ้านผ่านกระจกหน้าต่าง แม้พยายามเปิดประตูและหน้าต่างทุกบานก็ไม่สำเร็จ
ด้วยความจำเป็นที่ต้องเดินทางไปยุโรปในวันรุ่งขึ้น และต้องใช้พาสปอร์ตและกระเป๋าเดินทาง เขาไม่สามารถไปพักกับเพื่อนบ้านได้ เลวิตินจึงตัดสินใจทุบกระจกหน้าต่างชั้นใต้ดินเพื่อเข้าไปในบ้าน และใช้กระดาษแข็งปิดช่องที่แตกไว้ชั่วคราว แม้จะรู้ว่าวิธีนี้อาจเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์นั้น

สมองภายใต้ความเครียด: การทำงานของฮอร์โมนคอร์ติซอลและผลต่อการตัดสินใจ
ในฐานะนักประสาทวิทยา เลวิตินอธิบายว่าเมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียด สมองจะปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งมีผลเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและปรับระดับอะดรีนาลีนในร่างกาย แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลให้การคิดอย่างมีเหตุผลและตรรกะลดลงอย่างมาก
เขายกตัวอย่างว่าในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากคืนที่ผ่านไปด้วยความเครียดและนอนน้อย เขากลับลืมนำพาสปอร์ตไปสนามบิน จนต้องวิ่งกลับบ้านในสภาพอากาศหนาวจัดเพื่อเอาพาสปอร์ตมาให้ทันเวลา แม้จะมาถึงสนามบินทันเวลา แต่กลับถูกเปลี่ยนที่นั่งจนต้องนั่งในตำแหน่งที่ไม่สบายบนเครื่องบินตลอด 8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาทบทวนและคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

แนวคิด “Pre-mortem” หรือ “การรับรู้ล่วงหน้าถึงความล้มเหลว”
หลังจากประสบการณ์นั้น เลวิตินได้พูดคุยกับดาเนียล คาห์นแมน นักจิตวิทยาที่ได้รับรางวัลโนเบล ซึ่งแนะนำแนวคิดที่เรียกว่า “Pre-mortem” หรือ “การรับรู้ล่วงหน้าถึงความล้มเหลว” แนวคิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยนักจิตวิทยาการี ไคลน์ ซึ่งหมายถึงการที่เราต้องมองย้อนกลับไปยังสถานการณ์ที่เกิดความผิดพลาดเพื่อวิเคราะห์ว่าอะไรผิดพลาดและจะป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายได้อย่างไรถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นอีก
แนวคิดนี้เป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้าเพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่ดีขึ้นในสถานการณ์ที่มีความเครียดและความกดดันสูง
การเตรียมตัวล่วงหน้า: วิธีป้องกันความผิดพลาดในชีวิตประจำวัน
เลวิตินแนะนำให้เราจัดการกับสิ่งเล็กๆ ที่มักทำให้เกิดความวุ่นวายใจในชีวิตประจำวัน เช่น การกำหนดที่เก็บของสำคัญที่มักหายบ่อย ๆ อย่างกุญแจรถ แว่นตา หรือพาสปอร์ต โดยการสร้างนิสัยวางของเหล่านี้ในที่เดิมเสมอ เช่น แขวนกุญแจไว้ที่ตะขอหน้าประตู หรือมีกล่องเก็บพาสปอร์ตเฉพาะ เพื่อให้สมองสามารถจดจำตำแหน่งได้ง่ายขึ้น
เขายังอธิบายถึงบทบาทของสมองส่วนฮิพโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำเชิงพื้นที่ ที่วิวัฒนาการมาเพื่อช่วยจำตำแหน่งของสิ่งสำคัญในธรรมชาติ เช่น ตำแหน่งบ่อน้ำหรือแหล่งอาหารในป่า แม้จะมีการทดลองกับสัตว์อย่างกระรอกที่ถูกตัดการรับรู้กลิ่น แต่ก็ยังสามารถหาแหล่งอาหารได้ดีเพราะใช้ความจำเชิงพื้นที่
แต่สำหรับสิ่งที่เคลื่อนย้ายบ่อยหรือเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่าย เช่น กุญแจรถหรือพาสปอร์ต ความจำเชิงพื้นที่อาจไม่ช่วยเท่าที่ควร ดังนั้นการตั้งที่เก็บเฉพาะจึงสำคัญมาก
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง: เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยลดความเครียด
สำหรับการเดินทาง เลวิตินแนะนำให้ถ่ายรูปบัตรเครดิต ใบขับขี่ และพาสปอร์ตเก็บไว้บนโทรศัพท์มือถือ จากนั้นส่งไปยังอีเมลหรือเก็บในคลาวด์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ง่ายในกรณีที่ของสูญหายหรือถูกขโมย

นี่คือวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดความกังวลและทำให้เรารู้สึกพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้มากขึ้น
การตัดสินใจทางการแพทย์: ความสำคัญของการเตรียมพร้อมและข้อมูลที่ครบถ้วน
หนึ่งในสถานการณ์ที่สร้างความกดดันสูงสุดคือการต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเองหรือคนที่เรารัก เลวิตินยกตัวอย่างกรณีที่ต้องตัดสินใจใช้ยาเพื่อลดคอเลสเตอรอล เช่น ยาสตาติน ซึ่งเป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
แม้ยาสตาตินจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่ก็มีสถิติที่น่าสนใจเรื่อง “จำนวนคนที่ต้องได้รับการรักษาเพื่อช่วยเหลือคนหนึ่งคน” (Number Needed to Treat - NNT) ซึ่งในกรณีนี้คือ 300 คน ต้องทานยาติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปีก่อนที่จะช่วยป้องกันโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมองได้เพียง 1 คน
นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับประมาณ 5% ของผู้ใช้ยา เช่น อาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ ข้อ และระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเท่ากับว่า 15 คนจาก 300 คนอาจได้รับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งสูงกว่าคนที่ได้รับประโยชน์ถึง 15 เท่า
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราควรมีบทสนทนาที่ชัดเจนและมีข้อมูลครบถ้วนกับแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้ยาใดๆ เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
การยอมรับความล้มเหลวและการเตรียมใจล่วงหน้า
เลวิตินเน้นว่าทุกคนมีโอกาสล้มเหลวหรือผิดพลาดได้ และสิ่งสำคัญคือการเตรียมพร้อมและคิดล่วงหน้าถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น เพื่อวางแผนป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบที่จะตามมา
เขายกตัวอย่างการผ่าตัดต่อมลูกหมากในผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไปที่มีสถิติว่าต้องทำการผ่าตัดถึง 49 รายเพื่อช่วยชีวิตคนหนึ่งคน และมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นกับ 50% ของผู้ป่วย เช่น ปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศและการควบคุมการขับถ่าย ซึ่งเป็นผลที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
การตั้งคำถามและเตรียมตัวล่วงหน้าช่วยให้เรามีความชัดเจนและพร้อมสำหรับบทสนทนาเชิงลึกกับแพทย์หรือคนรอบข้างเมื่อถึงเวลาตัดสินใจจริง
การทำความเข้าใจสมองเมื่ออยู่ในภาวะเครียด
สมองของเราถูกออกแบบมาเพื่อการเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขัน เช่น การเผชิญหน้ากับสัตว์นักล่า ซึ่งในภาวะนั้น สมองจะตัดการทำงานของระบบที่ไม่จำเป็น เช่น ระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน หรือแม้แต่การคิดอย่างมีเหตุผล เพื่อให้ร่างกายมีพลังและความเร็วในการตอบสนองทันที
แต่ในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยความเครียดจากเรื่องงานหรือปัญหาอื่นๆ กลไกนี้ทำให้เราตัดสินใจไม่ดีนัก การฝึกคิดล่วงหน้าและเตรียมพร้อมจึงเป็นทางออกที่ช่วยให้เราควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น
Quote คำพูดกระแทกใจ
"We all are going to fail now and then. The idea is to think ahead to what those failures might be." (เราทุกคนย่อมล้มเหลวบ้างเป็นครั้งคราว ความคิดคือการมองล่วงหน้าถึงความล้มเหลวเหล่านั้น)
การนำไปใช้ในชีวิต
กำหนดที่เก็บของสำคัญให้ชัดเจนและมีที่เฉพาะ เพื่อช่วยให้หาของเจอได้ง่ายเมื่ออยู่ในภาวะเครียด
ถ่ายรูปเอกสารสำคัญเก็บไว้ในระบบคลาวด์หรืออีเมล เพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการเข้าถึง
ทำความเข้าใจกับข้อมูลทางการแพทย์และสถิติต่างๆ ก่อนตัดสินใจใช้ยา หรือเข้ารับการรักษา เพื่อให้เลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ฝึกคิดล่วงหน้าและวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อช่วยให้การตัดสินใจเมื่ออยู่ในความเครียดเป็นไปอย่างมีสติและรอบคอบ
เปิดใจพูดคุยกับคนใกล้ชิดและแพทย์เกี่ยวกับความต้องการและความกังวล เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการตัดสินใจที่สำคัญ
บทสรุปส่งท้าย - สิ่งที่ได้เรียนรู้
ความเครียดทำให้สมองปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งจำกัดการคิดอย่างมีเหตุผลและทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย
การเตรียมพร้อมล่วงหน้า เช่น การกำหนดที่เก็บของสำคัญและการบันทึกข้อมูลสำคัญ ช่วยลดความสับสนในสถานการณ์กดดัน
แนวคิด Pre-mortem ช่วยให้เรามองเห็นความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นและวางแผนป้องกันก่อนเกิดเหตุ
การตัดสินใจทางการแพทย์ควรมีการพูดคุยและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงสถิติและผลข้างเคียงอย่างแท้จริง
การยอมรับว่าทุกคนมีโอกาสล้มเหลวและวางแผนรับมือช่วยให้เรามีความพร้อมและความสงบในสถานการณ์วิกฤต
เรื่องราวและความรู้จากวิดีโอนี้ช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าการเตรียมตัวล่วงหน้าและการเข้าใจธรรมชาติของสมองในภาวะเครียดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายได้อย่างสงบและมีสติ