แรงบันดาลใจและการค้นพบตัวเองในคำพูดของ Natalie Portman ที่ Harvard Commencement 2015

ถอดจบทเรียนชีวิตและแรงบันดาลใจจากสุนทรพจน์ของ Natalie Portman ในงาน Harvard Commencement 2015 ที่สะท้อนถึงความไม่มั่นใจ การค้นหาตัวตน และความหมายที่แท้จริงของความสำเร็จ

แรงบันดาลใจและการค้นพบตัวเองในคำพูดของ Natalie Portman ที่ Harvard Commencement 2015

ในวันสำคัญของชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวังและความฝันระดับสูงของบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปี 2015 นาตาลี พอร์ตแมน นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ได้ขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจและแนวคิดลึกซึ้งที่เธอสะสมมาตลอดเส้นทางชีวิตและการเรียนที่นี่ สุนทรพจน์นี้ไม่ได้เป็นเพียงการฉลองความสำเร็จของบัณฑิตเท่านั้น แต่ยังชวนให้เราทุกคนตั้งคำถามถึง “เหตุผล” ที่แท้จริงในการทำสิ่งต่างๆ และการใช้ “ความไม่รู้” หรือ “ความไม่มีประสบการณ์” เป็นพลังในการสร้างเส้นทางชีวิตที่ไม่เหมือนใคร

จากความไม่มั่นใจสู่การค้นพบตัวตนที่แท้จริง

นาตาลีเริ่มต้นด้วยการเปิดใจถึงความไม่มั่นใจที่เธอมีแม้ในวันที่ได้รับเชิญให้พูดในงานนี้ เธอเล่าว่าตอนเธอเข้ามาเรียนที่ฮาร์วาร์ดในปี 1999 เธอรู้สึกเหมือนไม่ควรอยู่ตรงนั้น เพราะเธอถูกมองว่าเป็นแค่นักแสดงที่ไม่มีความจริงจังทางวิชาการ และเธอก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถทำตามมาตรฐานของเพื่อนๆ ที่มาจากโรงเรียนชั้นนำได้

Natalie Portman เริ่มต้นพูดด้วยความไม่มั่นใจ

ความรู้สึกนี้สะท้อนให้เห็นว่าแม้คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงก็ยังมีช่วงเวลาที่รู้สึกสงสัยในคุณค่าของตัวเอง ความไม่มั่นใจไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาด แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตและการค้นหาตัวตน

เธอชี้ให้เห็นว่า “บางครั้งความไม่มั่นใจและความไม่มีประสบการณ์อาจทำให้เราไปยึดติดกับมาตรฐานหรือค่าความคาดหวังของคนอื่น แต่เราสามารถใช้ความไม่มีประสบการณ์นั้นเป็นพลังในการสร้างเส้นทางของตัวเองที่ไม่ต้องถูกจำกัดด้วยสิ่งที่ ‘ควรจะเป็น’”

ของรางวัลที่แท้จริงและข้อควรระวังของความสำเร็จ

นาตาลีเล่าถึงประสบการณ์ที่สนุกสนานแต่ลึกซึ้งกับลูกชายของเธอที่เล่นเกมในสวนสนุก ซึ่งเขามุ่งมั่นที่จะชนะเพื่อแลกของรางวัลที่เป็นตุ๊กตาพลาสติกราคาถูก นี่เป็นภาพสะท้อนของชีวิตที่เราอาจมุ่งเน้นไปที่ “ของรางวัล” ที่มองเห็นได้อย่างเช่น ชื่อเสียง เงินทอง หรืออำนาจ แทนที่จะสนุกกับกระบวนการและความพัฒนาตัวเอง

เธอย้ำว่า “ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเมื่อเรารู้ว่าเราทำมันเพื่ออะไร แต่ถ้าเราไม่รู้ อาจกลายเป็นกับดักที่อันตราย” ประเด็นนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราตั้งคำถามกับแรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำและไม่หลงใหลใน “ของรางวัล” ที่อาจเป็นแค่ภาพลวงตา

เส้นทางที่ไม่สมบูรณ์แบบของการเป็นนักแสดงและนักศึกษา

แม้จะเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จ นาตาลีก็เล่าถึงความลำบากในช่วงเรียนที่ฮาร์วาร์ด เธอไม่เคยเขียนรายงานยาวๆ มาก่อนและรู้สึกท้อแท้กับภาระงานที่หนักหน่วง เธอพยายามเลือกเรียนวิชาที่ดู “จริงจัง” อย่างประสาทวิทยาและวรรณกรรมฮีบรูขั้นสูงเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกว่าเธอพยายามเป็นคนอื่นมากกว่าที่จะเป็นตัวเอง

Natalie Portman เล่าถึงการเรียนที่ Harvard

บทเรียนสำคัญที่เธอได้เรียนรู้คือ “ความจริงจังเพื่อความจริงจังนั้นเองอาจเป็นเพียงถ้วยรางวัลที่ไม่มีความหมาย” และ “เหตุผลที่แท้จริงในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งคือสิ่งที่เรารักและทำด้วยใจ” นี่ทำให้เธอกลับไปสู่เส้นทางที่แท้จริงของตัวเอง คือการเป็นนักเล่าเรื่องผ่านภาพยนตร์

ความหมายของปริญญาและประสบการณ์ที่ลึกซึ้งกว่ารางวัล

ปริญญาจากฮาร์วาร์ดสำหรับนาตาลีไม่ใช่แค่ใบประกาศนียบัตร แต่เป็นสัญลักษณ์ของความอยากรู้อยากเห็น การสร้างสรรค์ และมิตรภาพที่ยั่งยืน เธอเล่าถึงประสบการณ์ที่มีค่าตั้งแต่การเรียนในห้องบรรยายที่มีผนังไม้ การอ่านหนังสือในห้องสมุด ไปจนถึงความทรงจำดีๆ กับเพื่อนๆ

บรรยากาศที่ Harvard ที่ Natalie Portman รำลึกถึง

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้ปิดบังว่าช่วงเวลาที่เธอเรียนก็มีความยากลำบาก โดยเฉพาะในปีที่สองเมื่อเธอต้องเผชิญกับความเครียดและภาวะซึมเศร้า แต่เธอก็เรียนรู้ที่จะผ่านมันมาได้ด้วยการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบและตั้งเป้าว่า “เสร็จดีกว่าไม่ดี”

บทเรียนจากงานศิลปะและการทำงานที่เลือกด้วยหัวใจ

นาตาลีเล่าถึงประสบการณ์การทำงานในวงการภาพยนตร์ที่เริ่มต้นด้วยการได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ดีนักจากภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ “The Professional” แต่กลับกลายเป็นงานที่ผู้คนรักและจดจำมากที่สุดในเวลาต่อมา

นี่สอนให้รู้ว่าความหมายของงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับรางวัลหรือรายได้เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการเชื่อมต่อกับผู้ชม เธอยังเล่าว่าการเลือกงานที่เธอหลงใหลจริงๆ ทำให้เธอมีความสุขและไม่ถูกกำหนดด้วยความคาดหวังของตลาดหรืออุตสาหกรรม

เช่น การเรียนรู้ศิลปะและประวัติศาสตร์เพื่อแสดงภาพยนตร์ “Goya’s Ghosts” หรือการศึกษาประวัติความเป็นมาของนักสู้เสรีภาพใน “V for Vendetta” เธอได้ใช้ความสนใจและความรู้สึกส่วนตัวเป็นเข็มทิศนำทางการเลือกงาน

ความกล้าที่เกิดจากความไม่รู้และการก้าวข้ามขีดจำกัด

หนึ่งในบทเรียนที่น่าประทับใจคือการที่นาตาลีกล้ารับบทบาทนักบัลเลต์ในภาพยนตร์ “Black Swan” แม้จะไม่มีพื้นฐานมาก่อน เธอเล่าว่าความไม่รู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เธอทำงานหนักและพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง

Natalie Portman ในบทบาท Black Swan

เธอเปรียบเทียบว่าการเป็นนักบัลเลต์ระดับสูงจะไม่มีใครสมบูรณ์แบบทางเทคนิคเสมอไป สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือการพัฒนา “ตัวตน” และ “ความเป็นเอกลักษณ์” ของแต่ละคน นี่สะท้อนถึงแนวคิดว่าความสมบูรณ์แบบที่แท้จริงคือการยอมรับและรักในตัวเอง

นอกจากนี้ เธอยังเล่าถึงประสบการณ์การกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ “A Tale of Love and Darkness” ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่พร้อม แต่เธอใช้ความมั่นใจจากความไม่รู้เป็นแรงผลักดันให้ก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปได้

ใช้ความไม่รู้เป็นพลังและสร้างเส้นทางของตัวเอง

นาตาลีแนะนำให้เราทุกคนใช้ประโยชน์จากความไม่มีประสบการณ์ในช่วงเริ่มต้นของชีวิต เพราะมันทำให้เราคิดและทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างอิสระโดยไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบหรือวิธีที่ “ควรจะเป็น” เธอยกตัวอย่างนักไวโอลินที่ไม่สามารถแต่งเพลงได้เพราะรู้จักเพลงมากเกินไป จนทำให้จินตนาการติดกรอบ

การใช้ความไม่มีประสบการณ์เป็นข้อได้เปรียบ

เราจึงควรมองความไม่รู้เป็นโอกาสในการสร้างสรรค์และค้นพบเส้นทางของตัวเองอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลวหรือคำวิจารณ์จากผู้อื่น

ความหมายที่แท้จริงของความสำเร็จ: การเชื่อมโยงและความสัมพันธ์

นอกจากการทำงานและความสำเร็จในหน้าที่การงาน นาตาลียังเน้นว่าความสัมพันธ์กับคนรอบข้างและการช่วยเหลือผู้อื่นคือสิ่งที่เติมเต็มชีวิตอย่างแท้จริง เธอเล่าถึงประสบการณ์กับองค์กรช่วยเหลือต่างๆ เช่น Finca ในเม็กซิโก, Free the Children ในเคนยา และการอนุรักษ์กอริลลาในรวันดา

Natalie Portman กับกิจกรรมช่วยเหลือสังคม

การให้และการเห็นคุณค่าของชีวิตผู้อื่นช่วยให้เรารู้ว่าเราไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล และความมีน้ำใจสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้อย่างมหัศจรรย์ แม้แต่ในที่ทำงาน การได้รับความกรุณาเล็กๆ น้อยๆ ก็มีผลลึกซึ้งต่อความรู้สึกและความสัมพันธ์

มิตรภาพและครอบครัว: พลังใจที่ยั่งยืน

นาตาลีให้ความสำคัญกับมิตรภาพที่สร้างขึ้นในช่วงเรียนที่ฮาร์วาร์ด ซึ่งยังคงยืนยาวและเป็นเหมือนครอบครัวที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันในทุกช่วงเวลาของชีวิต ทั้งความสุขและความทุกข์ รวมถึงการร่วมงานและสนับสนุนกันในเส้นทางอาชีพ

เธอยังเล่าว่าตอนนี้ลูกๆ ของพวกเขาก็เริ่มสร้างมิตรภาพรุ่นที่สอง ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความรักและการสนับสนุนที่ไม่สิ้นสุด

คำถามที่เปลี่ยนชีวิต: “How to be and how not to be”

ในช่วงท้ายของสุนทรพจน์ นาตาลีได้นำคำพูดของนักคิดที่เธอชื่นชอบ อับราฮัม โจชัว เฮชเชล มาเป็นข้อคิดสำคัญว่า “To be or not to be is not the question. The vital question is how to be and how not to be.”

คำพูดของ Abraham Joshua Heschel ที่ Natalie Portman อ้างถึง

นี่คือคำถามที่ชวนให้เราคิดลึกถึงการดำรงอยู่ของตัวเอง ไม่ใช่แค่การมีอยู่ แต่คือการเลือกวิธีการเป็นและไม่เป็นในแบบที่สร้างความหมายและคุณค่าให้กับชีวิต

Quote คำพูดกระแทกใจ

“The only thing you can be the best at is developing your own self.” (สิ่งเดียวที่เราจะเก่งที่สุดได้ คือการพัฒนาตัวเอง)
“Your inexperience is an asset and will allow you to think in original, unconventional ways.” (ความไม่มีประสบการณ์เป็นข้อได้เปรียบที่ช่วยให้เราคิดอย่างสร้างสรรค์และไม่เหมือนใคร)
“The vital question is how to be and how not to be.” (คำถามที่สำคัญคือ จะเป็นอย่างไรและจะไม่เป็นอย่างไร)
“Achievement is wonderful when you know why you're doing it. And when you don't know, it can be a terrible trap.” (ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเมื่อเรารู้ว่าเราทำมันเพื่ออะไร แต่ถ้าเราไม่รู้ อาจกลายเป็นกับดักที่อันตราย)

การนำไปใช้ในชีวิต

บทเรียนจากสุนทรพจน์นี้ชวนให้เราทุกคนได้สำรวจตัวเองและตั้งคำถามกับเหตุผลที่เราทำสิ่งต่างๆ ว่าเราทำเพื่อตัวเราเองหรือเพื่อความคาดหวังของคนอื่น

  • อย่ากลัวที่จะไม่รู้หรือไม่มีประสบการณ์ เพราะนั่นคือโอกาสให้เราได้คิดและทำสิ่งใหม่ๆ ในแบบของเราเอง
  • ตั้งใจเลือกทำสิ่งที่เราหลงใหลและมีความหมายสำหรับตัวเราเอง มากกว่าที่จะตามหาความสำเร็จในรูปแบบที่คนอื่นกำหนด
  • ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และการช่วยเหลือผู้อื่น เพราะนั่นคือสิ่งที่จะเติมเต็มชีวิตอย่างแท้จริง
  • ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบและให้ความสำคัญกับ “การทำให้เสร็จ” มากกว่า “ทำให้ดีเลิศ” เสมอ
  • รักษามิตรภาพและครอบครัวให้เป็นพลังใจที่อยู่เคียงข้างในทุกสถานการณ์

บทสรุปส่งท้าย - สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • ความไม่มั่นใจและความไม่มีประสบการณ์ไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นพลังที่ช่วยให้เราเปิดกว้างและสร้างเส้นทางของตัวเองได้
  • ความสำเร็จที่แท้จริงเกิดจากการรู้เหตุผลที่เราทำสิ่งนั้น ไม่ใช่แค่การแสวงหาของรางวัลภายนอก
  • ความจริงจังเพื่อความจริงจังอาจเป็นกับดัก การทำด้วยหัวใจและความรักในสิ่งที่ทำคือสิ่งที่สำคัญกว่า
  • ความกล้าหาญมักมาจากความไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง และความพยายามอย่างหนักคือกุญแจสำคัญ
  • การให้และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมีผลต่อความสุขและความสำเร็จในชีวิตอย่างยิ่ง
  • การตั้งคำถาม “จะเป็นอย่างไรและจะไม่เป็นอย่างไร” ช่วยให้เรามีชีวิตที่มีความหมายและไม่หลงทาง

Great! You’ve successfully signed up.

Welcome back! You've successfully signed in.

You've successfully subscribed to Readtrospect.

Success! Check your email for magic link to sign-in.

Success! Your billing info has been updated.

Your billing was not updated.