วิธีง่ายๆ ในการเลิกนิสัยไม่ดี ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสติ

เรียนรู้วิธีเลิกนิสัยไม่ดี เช่น สูบบุหรี่ หรือกินเกินพอดี ผ่านการใช้ความอยากรู้อยากเห็นและสติ ตามแนวคิดของ Judson Brewer พร้อมเทคนิคฝึกสมาธิเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างยั่งยืน

ภาพแสดงสมองส่วนหน้าที่ควบคุมพฤติกรรม

นิสัยไม่ดีหลายอย่างที่เราพยายามเลิก เช่น การสูบบุหรี่ การกินมากเกินไป หรือแม้แต่การเช็คโทรศัพท์ขณะขับรถ กลับกลายเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะควบคุมได้ แม้เราจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพและชีวิตประจำวันก็ตาม คลิปวิดีโอจาก TED โดย Judson Brewer นักจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างสติและการเสพติด ได้ชวนเรามาทบทวนและตั้งคำถามใหม่เกี่ยวกับวิธีที่เราจะเลิกนิสัยเหล่านี้ได้จริงๆ

บทความนี้จะสรุปและวิเคราะห์เนื้อหาสำคัญจากคลิป พร้อมแง่คิดและมุมมองที่น่าสนใจ เพื่อให้เราเข้าใจกลไกของนิสัยและวิธีใช้ความอยากรู้อยากเห็นเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแท้จริง

ทำไมการใส่ใจสิ่งเล็กๆ อย่าง “ลมหายใจ” ถึงยากเย็นนัก?

เมื่อเริ่มฝึกสมาธิครั้งแรก หลายคนคงเคยได้ยินคำแนะนำง่ายๆ ว่าให้จดจ่อกับลมหายใจ แต่ความจริงกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ผู้บรรยายเล่าว่าแม้จะนั่งเงียบๆ พยายามใส่ใจลมหายใจ แต่ก็เกิดความเหนื่อยล้าและหลับไปในที่สุด นี่สะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่การทำสิ่งที่ดูเหมือนง่ายอย่าง “ใส่ใจ” กลับต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

งานวิจัยชี้ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถรักษาความสนใจได้เต็มที่ตลอดเวลา เพราะสมองมีกลไกป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่แข็งแรงมาก กลไกนี้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนรู้ที่เรียกว่า “การเสริมแรง” (reinforcement learning) ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสร้างนิสัยในสมอง

กลไกการเสริมแรง: ต้นกำเนิดของนิสัย

สมองของเราสร้างนิสัยผ่านวงจรง่ายๆ คือ “แรงจูงใจ – การกระทำ – รางวัล” เช่น เมื่อเห็นอาหารที่น่ากิน สมองจะส่งสัญญาณว่า “นี่คือแหล่งพลังงานเพื่อความอยู่รอด” เมื่อกินอาหารนั้นแล้วรู้สึกดี สมองจะจดจำเหตุการณ์นี้และทำให้เราอยากกินซ้ำอีกในอนาคต

สิ่งที่น่าสนใจคือสมองสามารถนำกลไกนี้มาปรับใช้ในบริบทอื่นๆ ได้ เช่น เมื่อรู้สึกเศร้าหรือเครียด เราอาจอยากกินของหวานหรือช็อกโกแลตเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น นี่คือการใช้กลไกเสริมแรงกับอารมณ์แทนความหิว

เช่นเดียวกับวัยรุ่นที่เห็นกลุ่มเพื่อนสูบบุหรี่และคิดว่า “อยากดูเท่เหมือนพวกเขา” การสูบบุหรี่จึงกลายเป็นนิสัยที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกดีและการยอมรับทางสังคม

วัยรุ่นสูบบุหรี่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

ปัญหาคืออะไร? ทำไมนิสัยเหล่านี้ถึงเลิกยาก?

ในขณะที่กลไกเสริมแรงช่วยให้เราเรียนรู้สิ่งที่ดีต่อการอยู่รอด แต่มันก็ส่งผลย้อนกลับเมื่อนิสัยเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งทำลายสุขภาพ เช่น การสูบบุหรี่หรือการกินเกินพอดี ที่กลายเป็นสาเหตุสำคัญของโรคและการเสียชีวิต

สมองส่วนหน้าที่ควบคุมการตัดสินใจและควบคุมพฤติกรรม (prefrontal cortex) มีหน้าที่ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงนิสัยไม่ดีโดยใช้ “ความรู้” แต่เมื่อเราตึงเครียดหรือเครียด สมองส่วนนี้จะทำงานได้ลดลง ส่งผลให้เรากลับไปทำพฤติกรรมเดิมโดยไม่รู้ตัว

นี่อธิบายได้ว่าทำไมเราถึงรู้ว่าสูบบุหรี่หรือกินของหวานมากเกินไปไม่ดี แต่ก็ยังทำอยู่ เพราะเมื่อเครียดหรือเหนื่อย กลไกควบคุมพฤติกรรมจะอ่อนแอลงและนิสัยเก่าจะกลับมา

ภาพแสดงสมองส่วนหน้าที่ควบคุมพฤติกรรม

ใช้ความอยากรู้อยากเห็นเป็นกุญแจเปลี่ยนแปลงนิสัย

แทนที่จะพยายามบังคับตัวเองให้ใส่ใจหรือเลิกนิสัยไม่ดีอย่างเคร่งครัด Judson Brewer เสนอว่าเราควรใช้ “ความอยากรู้อยากเห็น” เป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลง

ในงานวิจัยของเขา พบว่าการให้คนสูบบุหรี่ด้วยความตั้งใจและความอยากรู้อยากเห็นแทนการบังคับเลิก มีผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง เช่น หนึ่งในผู้เข้าร่วมทดลองเล่าว่า “การสูบบุหรี่ด้วยสติ: มันเหมือนกลิ่นชีสเน่าและรสชาติของสารเคมี มันน่าขยะแขยงมาก” นี่ทำให้เธอเปลี่ยนจากการรู้ว่าการสูบบุหรี่ไม่ดีในสมอง ไปสู่การ “รู้สึก” อย่างแท้จริงว่าสิ่งนี้ไม่ดีในร่างกายและจิตใจ

ตัวอย่างการสูบบุหรี่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการที่เราไม่ปฏิเสธหรือผลักไสความอยากในทันที แต่กลับหันมาสังเกตมันด้วยความสนใจอย่างใจเย็น เหมือนนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังทดลองกับตัวเอง

กลไกสมองที่เกี่ยวข้องกับนิสัยและสติ

สมองของผู้ที่ฝึกสติอย่างสม่ำเสมอจะแสดงการทำงานของ “เครือข่ายการอ้างอิงตนเอง” (default mode network) ที่มีการทำงานสลับกับส่วนที่เรียกว่า “cognitive control” หรือการควบคุมด้วยความรู้สึกคิด นั่นหมายความว่าเมื่อเราอยู่ในสภาวะสติ เราจะลดการจมอยู่กับความอยากและอารมณ์ลบลงได้

โดยเฉพาะบริเวณ “posterior cingulate cortex” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายนี้ จะลดการทำงานเมื่อเราหันมาสังเกตความอยากด้วยความอยากรู้อยากเห็นแทนการจมอยู่ในความอยากนั้น

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมการฝึกสติและความอยากรู้อยากเห็นสามารถช่วยให้เราควบคุมและเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีได้มากกว่าการใช้ความพยายามหรือการบังคับตนเองเพียงอย่างเดียว

ภาพแสดงกิจกรรมสมองในผู้ที่ฝึกสติ

นำเทคโนโลยีมาช่วยฝึกสติและเปลี่ยนนิสัย

ปัจจุบันมีการพัฒนาโปรแกรมฝึกสติผ่านอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชันมือถือ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถฝึกความอยากรู้อยากเห็นและสติในเวลาที่เกิดความอยากติดนิสัย เช่น อยากสูบบุหรี่หรือกินของหวานจากความเครียด

น่าสนใจที่เทคโนโลยีเดียวกันที่เคยถูกกล่าวหาว่าทำให้เราขาดสมาธิ กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเพิ่มสมาธิและเปลี่ยนแปลงนิสัยได้อย่างมีประสิทธิผล

การนำความรู้เรื่องกลไกสมองและนิสัยมาผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จึงเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการจัดการกับปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมในวงกว้าง

ความอยากรู้อยากเห็น: พลังที่เปลี่ยนแปลงนิสัย

ความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรารู้สึกอยากทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น การสูบบุหรี่หรือเช็คโทรศัพท์ จะช่วยให้เราเห็นความรู้สึกและอาการทางกายภาพที่แท้จริง เช่น ความกังวล ความไม่สบาย หรือความตึงเครียดในร่างกายที่เกิดขึ้นและผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แทนที่จะจมอยู่กับความอยากนั้นจนรู้สึกว่ามันยากจะต้านทาน การใช้ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เราเห็นความอยากเป็นเพียง “ปรากฏการณ์ชั่วคราว” ที่สามารถผ่านไปได้ นี่คือก้าวสำคัญที่ช่วยให้เราปลดปล่อยตัวเองจากวงจรนิสัยเก่าๆ ที่ทำร้ายตัวเอง

แสดงความอยากรู้อยากเห็นที่ช่วยลดความอยาก

Quote คำพูดกระแทกใจ

“Mindfulness is about being interested in what’s actually happening in our bodies and minds from moment to moment.” (สติคือการมีความสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายและจิตใจของเราในแต่ละช่วงเวลา)
“Instead of fighting our brains, what if we exploited the brain’s natural learning process but added a twist of curiosity?” (แทนที่จะสู้กับสมองของเรา เราจะใช้กระบวนการเรียนรู้ตามธรรมชาติของสมอง แต่เพิ่มความอยากรู้อยากเห็นเข้าไปแทนได้ไหม?)

การนำไปใช้ในชีวิต

  • เมื่อรู้สึกอยากทำอะไรที่เป็นนิสัยไม่ดี เช่น สูบบุหรี่ กินของหวาน หรือเช็คโทรศัพท์ ให้ลองเปลี่ยนจากการต่อต้านเป็น “สังเกต” ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไรในร่างกายและจิตใจ
  • ฝึกสติในชีวิตประจำวัน เช่น การนั่งสมาธิสั้นๆ หรือการหายใจลึกๆ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการควบคุมความคิดและอารมณ์
  • ใช้แอปพลิเคชันหรือโปรแกรมฝึกสติที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อช่วยสร้างนิสัยใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและจิตใจได้ง่ายขึ้น
  • เข้าใจว่าไม่ต้องเร่งรีบหรือบังคับตัวเองให้เลิกนิสัยในทันที แต่ค่อยๆ สังเกตและเรียนรู้จากประสบการณ์ เพื่อเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

บทสรุปส่งท้าย - สิ่งที่ได้เรียนรู้

  • นิสัยไม่ดีเกิดจากกระบวนการเรียนรู้แบบเสริมแรงในสมองที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกและรางวัล
  • การบังคับตัวเองให้เลิกนิสัยไม่ดีมักล้มเหลวเพราะสมองส่วนควบคุมทำงานน้อยลงเมื่อเครียดหรือเหนื่อย
  • การใช้ความอยากรู้อยากเห็นและสติแทนการต่อต้านความอยากช่วยให้เรามองเห็นนิสัยและความรู้สึกได้ชัดเจนขึ้น
  • การฝึกสติช่วยลดการจมอยู่กับความอยากและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนิสัยในระยะยาว
  • เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถนำมาใช้ช่วยฝึกสติและเปลี่ยนนิสัยอย่างเป็นระบบและเข้าถึงง่าย
  • การเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ใช่เรื่องของการบังคับ แต่เป็นการเรียนรู้และสังเกตตัวเองด้วยความใจเย็นและความอยากรู้อยากเห็น

Great! You’ve successfully signed up.

Welcome back! You've successfully signed in.

You've successfully subscribed to Readtrospect.

Success! Check your email for magic link to sign-in.

Success! Your billing info has been updated.

Your billing was not updated.